ตอนที่ 4: Cologne (4 คืน)
รีวิวจากนักท่องเที่ยวเรื่องเยอะ 2 คน เที่ยวสไตล์ slow life ใน Cologne เมืองที่ดีงามมากของเยอรมัน
ตามอ่านรีวิว KP&RR เที่ยวยุโรป 8 เมือง 19 วัน
ตอนที่ 1: Paris
ตอนที่ 2: Amsterdam
ตอนที่ 3: Brussels
หรือหากต้องการสอบถามเรื่องเรียนต่อเยอรมัน กดที่นี่!
ต้องการอ่านเรื่องชีวิตการเรียนต่อ/การเที่ยว/ทุนที่เคยแชร์ไว้ก่อนหน้านี้ กดที่นี่!
ภารกิจหลักคือ การไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยที่เยอรมันที่เป็น partner ของพวกเรากำลังจะเริ่ม หลังจากไปอยู่เมืองอื่นมานาน 555 พวกเราเดินทางออกจาก Brussels มา Cologne โดยใช้รถไฟ Thalys เหมือนเดิม ตามดูรายละเอียดรถไฟนี้ในรีวิวก่อนหน้าของเราได้ ค่าตั๋วไม่แพงทั้งสองคนแค่ 38 ยูโรเท่านั้น!!! นั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง Cologne (Köln ในภาษาเยอรมันเขียนแบบนี้)
สำหรับที่พักพวกเราเลือกพักที่โรงแรม Wyndham ซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย (ฝั่ง Breslauer Platz) สะดวกมาก เดิน 10 ก้าวถึงสถานีรถไฟ มาหาซื้อของกินสะดวกมาก ราคาคืนละประมาณ 3,000 บาท (ค่าโรงแรมที่เยอรมันจะถูกกว่าเมืองอื่นของยุโรปเยอะเลย) แต่โรงแรมบริการแบบมี Attitude ไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย มีปัญหาของหายก็ตามไม่ได้ ห้องเล็กเหยียบกันตาย ถ้ามาพักคืนนึงคงโอเค แต่หลายวันจะไม่สบายเอา สำหรับพวกเราครั้งเดียว เลิก!!!
สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ คือ มหาวิหารประจำเมือง (Kölner Dom) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เน้นความสูงของอาคารมาก ภายในของมหาวิหารสูงมาก เมืองนี้เที่ยวง่ายสุดๆ มาเองรับรองไม่หลง เดินออกมาจากสถานีรถไฟ (Hauptbahnhof) ก็จะเจอเลย ประหยัดเวลาเดินหลงมากกกกก หน้าตามหาวิหารเป็นแบบนี้
อาคารสถานีรถไฟจะมี Starbucks มีที่นั่งโซนด้านนอกเห็นวิวมหาวิหารแบบนี้ สำหรับที่พัก ถ้าไม่ต้องการเดินไกล มีโรงแรม Ibis อยู่สถานีเลย
ระหว่างที่รอ check-in เข้าโรงแรม พวกเราเลยมาเดินถ่ายรูปกับมหาวิหาร เอาจริงๆถ่ายทุกวันเลย อยู่ 4 คืน ถ่ายทุกคืน อยากได้ทุกแสง ทุก shot ทุกมุม ชอบมากเหมือน check-in Paragon ทั้งทริปถ่ายมาได้ทุกมุมนะเดี๋ยวจะเห็นรูปข้างล่าง ยกเว้นมุมสูง ปีหน้าเดี๋ยวจะซื้อกล้องโดรน แล้วจะถ่ายจากมุมท้องฟ้ามาให้ดู 55555
มุมเดียวกัน แต่ใส่นางแบบเข้าไปให้ นี่สินะที่เค้าว่า อย่าปล่อยกะเทยไว้กับผ้า 5555
ถ่ายได้หลายมุมแล้ว เลยคิดว่ารอเก็บภาพตอนเย็นจะได้อีกแสงนึง ตอนนี้พยายามเดินชมเมืองและหาที่กินข้าว เมืองนี้ดีตรงที่ High street คือเดินออกจากบริเวณลานข้างมหาวิหารก็เจอ มีร้านค้าทุกยี่ห้อเหมาะสำหรับนักช้อป เน้นชมเมืองน้อย ช้อปเยอะ ขอให้มาเมืองนี้นะ มีตั้งแต่ High end ยัน high street ดีงามเหลือเกิน เมืองเล็กเดินช้อปได้ทั่ว ไม่ต้องขึ้นรถไฟ รถเมล์ให้เปลืองเลย ปลื้มๆๆๆๆๆ
มื้อแรกตั้งใจต้องกินอาหารเยอรมันให้ได้ ขาหมูต้องมี เบียร์ต้องมา ไม่ได้หาร้านไว้ก่อนแต่ลองเดินไปเรื่อยๆ ร้านอาหารสวยๆ น่ากินส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ Heumarkt (จริงๆมี U-bahn หรือรถใต้ดินไปถึง) แต่พวกเราเดินไปแบบชิลล์ๆ แปปเดียวถึง เดินจากลานมหาวิหาร ผ่าน high street เลี้ยวซ้ายไปทาง Altes Rathaus หรือศาลากลางเมืองเก่า เลยไปอีกนิดจะเจอย่าน Heumarkt
ร้านที่เราไปกินได้รับความนิยมจากคนท้องถื่น เข้าไปมีแต่คนเยอรมัน ดีนะพูดเยอรมันได้ มิงั้นคงงง คำถามที่เค้าจะถามเราคือ Kölsch? ซึ่งคือชื่อเบียร์ของเมืองนี้ ถ้าจะลองชิมก็ตอบ Ja (อ่านว่า หยา) เค้ามีชั้นใต้ดินด้วย เลยเลือกนั่งชั้นใต้ดิน เดินมาลงมาเจอเพื่อนเต็มเลย
เลยไปยืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆในห้องหุ่น แต่แสงน้อยเลยออกมาน่ากลัวแบบนี้ 555
ภายในสวยงามมีโซนที่เป็นผับด้วย
ตรงโต๊ะกินข้าว มีบ่อน้ำด้วย เก๋ๆ
บอกแล้วว่าร้านสวยจริง ชื่อร้าน Haus Zims เผื่อใครอยากไปลองชิม
อาหารมื้อแรกในเมืองนี้ พวกเราสั่งขาหมูเยอรมัน (Schweinshaxe) หมูทอด (Wiener Schnitzel) และไส้กรอกแบบผสม (Wurst) และเบียร์ อาหารจะค่อนข้างใหญ่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ มากันสองคนสั่งแต่สองอย่างพอ อย่าเลียนแบบพวกเรา ราคาอาหารคุ้มค่ากับปริมาณและความอร่อย สามอย่างและเบียร์ 5 แก้ว ประมาณ 80 ยูโร
หรือถ้าอยากประหยัดมื้อกลางวัน ไว้ทำอย่างอื่นให้ซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เกตชื่อ ReWe ก็ได้ มีแซนวิชและของเยอะเลย อยู่หลายที่ทั่วเมืองเลย ทั้งที่สถานีรถไฟ และ high street
อยากจะมาเดินย่อยซะหน่อย เป้าหมายต่อไปคือไปริมแม่น้ำไรน์ (Rhein) จากบริเวณ Heumarkt เดินย้อนกลับมาที่ข้างหลัง Altes Rathaus เลี้ยวขวาและเดินตรงลงเนินไป จะเจอลานน้ำพุและบริเวณริมฝั่งแม่น้ำไรน์แบบนี้
พวกเราเดินต่อไปยังสะพาน เพราะว่าบริเวณน้ำพุเมื่อกี้ลูกเด็กเล็กแดง คู่รักชอบมานั่งดูแม่น้ำ เห็นแล้วอิจ(ฉา) เลยหนีดีกว่า มุ่งหน้ามายัง Hohenzollernbrücke (คำว่า ฺBrücke แปลว่าสะพาน อ่านว่า บรึคเค่อะ) เมื่อข้ามสะพานนี้จะไปยังฝั่งเมืองใหม่ บนสะพานให้ความรู้สึกเหมือนเกาหลีเลย คู่รักเอากุญแจมาล็อคเต็มเลย อิจอีกแล้ว เดินแปบบเดียว เลิก
brücke ถ้ามากันเป็นคู่เอากุญแจมาล็อคได้นะ เอากุญแจโยนลงน้ำด้วย อย่าเอากลับบ้าน ไม่งั้นผิดประเด็น ตอนโยนลูกกุญแจดูด้วยว่ามีเรือผ่านมาหรือเปล่า เรือล่องแม่น้ำไรน์ (Rhein Cruise) คนอยู่เยอะนะ สงสารเค้าบ้าง แล้วถ้ามีเวลาเหลือเยอะไปล่องแบบคนพวกนั้นก็ได้ เรือจะแล่นตามแม่น้ำไรน์ผ่านปราสาทและป้อมในเมืองต่างๆตามแม่น้ำไรน์ ถ้างบน้อยนั่งรถไฟแทนก็ได้ (ไปเมือง Bingen) ประหยัดด้วย เห็นวิวเหมือนกัน
ด้วยแรงริษยาคนอื่น เพราะเราไม่มีคู่รักมาล็อคกุญแจแบบเค้า ฟ้าเลยมืดครึ้มใส่คนคิดไม่ดีแบบพวกเรามากก หนาวลมแรงที่สุด ข้ามสะพานมาแล้วจะเห็นวิวเมืองเก่าและมหาวิหารแบบนี้
เมื่อมาถึงฝั่งเมืองใหม่เห็นว่าเค้ามีงาน Fun park ด้วย พวกเราก็เลยไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมวิว ตอนแรกจะลงรูปให้ดูแต่ลมตีหน้า ผมพันกัน น่ากลัวมากก กลัวเด็กเห็นแล้วร้องไห้ เลยขอไม่เอารูปลงแล้วกันนะ หลังจากนั้นมาเหนื่อยกิน Erdbeerbowle (เครื่องดื่มแอลกฮอล์ชนิดหนึ่งที่เอาสตรอเบอรี่สดมาหมักกับเหล้า คล้ายๆ Sangria ของสเปน) และเพื่อนร่วมทริปที่เป็นตากล้องให้ ลูกศิษย์จากคอร์ส IELTS ที่สถาบัน KP&RR Academy น้องเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัย Weimar ในเยอรมัน ส่วนอีกคนนางอ้างว่าเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย แต่พวกเราอิจค่ะ 5555
เดินกลับมายังเมืองเก่า เพื่อกลับมา check-in ที่โรงแรม อันนี้เป็นมุมจากข้างหลังมหาวิหาร
ตอนเย็นแล้วก็จะได้อีกแบบนึง ถ่ายชิดๆ
ตรงบริเวณลานมหาวิหารจะมีพิพิธภัณฑ์ Römisch-Germanisches Museum จัดแสดงวัตถุโบราณจากยุคโรมันและยุคกลางตอนต้นค่ะ ส่วนข้างหลังอาคารนี้จะมีพิพิธภัณฑ์ Museum Ludwig จัดแสดงศิลปะแบบ Modern มีชิ้นงานของ Andy Warhol, Brillo Boxes ใครเป็นแฟนต้องเข้าชมนะ
ส่วนนี้คือสถานีรถไฟหลักของเมือง ถ่ายจากมหาวิหาร ภายในอาคารสถานีรถไฟ มีร้านอาหาร มีโรงแรม Ibis มีร้านขายเครื่องสำอางค์ Douglas ใครอยากได้น้ำหอม เครื่องสำอางค์ จัดเลยย สาขานี้ปิดดึกกว่าสาขาในเมือง ของเยอะกว่าด้วย
วิวจากโรงแรมที่พวกเราพัก เห็นมหาวิหารและสถานีรถไฟ ส่วนสีฟ้าๆนั่นไม่ใช่ยานแม่นะ แต่เป็น Oper หรือ Opera house ของเมืองนี้
วันถัดมาเป็นวันอาทิตย์ ปกติคนเยอรมันจะไม่ทำงานวันอาทิตย์เลย ห้างร้านนี่ปิดหมด เค้าไปเดินเล่นในสวนสาธารณะกัน ปิคนิคในสวน พวกเราไม่มีอะไรเก็บภาพมหาวิหารไปเยอะมากแล้ว เลยไป Outlet ที่อยู่นอกเมืองค่ะ อยู่ในเนเธอร์แลนด์ ถ้าใครไม่ใช่นักช้อปก็เดินเล่นในสวนสาธารณะในเมืองเหมือนคนท้องถิ่นก็ได้
กลับมาจาก Outlet ก็มืดค่ำเลยแวะทำสิ่งเดิม คือถ่ายรูปมหาวิหารตอนมืดๆเก็บไว้ ไม่ว่ามุมไหนก็สวย
ตรงพื้นมีคนมาวาดภาพไว้ด้วย สวยดี อย่าไปเดินเหยียบย่ำนะ เค้าอุตส่าห์วาดซะสวย
อีกสองวันที่เหลือพวกเราไปเที่ยวและไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยในเมืองใกล้เคียง คือ เมือง Aachen, Bonn เดี๋ยวจะทำรีวิวแยกไว้ เมืองทั้งสามเป็นเมืองที่อยู่ในรัฐ North Rheine-Westphalia ซื้อตั๋วแบบ Landskarte หรือตั๋วรัฐ ก็สามารถเดินทางได้ทั้งสามเมืองเลยโดยไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ ส่วนข้างล่างเป็นรูปกับมหาวิหารในวันสุดท้ายก่อนออกเดินทางไป Munich
วันนี้พวกเราเข้าไปข้างในมหาวิหาร สามารถเข้าชมได้ฟรี
เมืองนี้น่ารัก จริงๆมีที่ท่องเที่ยวเยอะกว่านี้แต่พวกเราเหนื่อยง่ายเลยโฟกัสแค่มหาวิหารพอ 5555 เมืองนี้คนใจดี หมาน่ารักด้วย
Cologne
Hotel: Wyndham Hotel สิ่งเดียวที่ดีของโรงแรมนี้คือ ที่ตั้งที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่ราคาประมาณนี้หาที่อื่นได้เหมือนกัน ห้องเล็ก บริการไม่ดี พักที่อื่นนะ
Transportation: เดินค่ะ ประหยัดและสะดวก เมืองเล็ก ไปไหนเดินได้หมด ยกเว้นจะออกไปเมืองรอบข้างก็นั่งรถไฟแบบ Regional/IC/ICE เลือกเอาตามราคาที่ถูกใจ
Do not miss! อย่าลืมพาคู่มานะคะถ้าจะมาล็อคกุญแจบนสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ ถ้ามาหาเอาที่นี่จะไม่ได้ล็อคกุญแจเอา 555